สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.2055 ทรงมีพระนามเดิมว่า “พระเฑียรราชา” ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 พระองค์ทรงมีพระอัครมเหสี คือ สมเด็จพระศรีสุริโยทัย มีพระราชโอรสและพระราชธิดาห้าพระองค์ คือ พระราเมศวร พระมหินทร์ พระสวัสดิราช พระบรมดิลก และพระเทพกษัตริย์ ประทับอยู่ที่วังชัย ในกรุงศรีอยุธยา
ในพ.ศ.2091 ได้มีการกำจัดขุนวรวงศ์ธิราชและท้าวศรีสุดาจันทร์ได้เสร็จสิ้นแล้วจึงได้อัญเชิญพระเฑียรราชา ให้ลาผนวชและขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ” หลังขึ้นครองราชย์เพียง 7 เดือน พม่าก็ทราบข่าวความวุ่นวายของการผลัดแผ่นดินเชื่อว่าเป็นช่วงที่กรุงศรีฯ อ่อนแอที่สุดจึงได้ยกทัพประชิดกรุงศรีฯ ด้วยทัพต่างๆ ศึกยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปร แม่ทัพของพม่าจึงเกิดขึ้นและเป็นที่มาของการสูญเสียสมเด็จพระสุริโยทัยนั่นเอง
เรื่องราวนี้ทำให้มองว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่อ่อนแอ แม้พระองค์จะสวรรคตก่อนกรุงแตก ทว่านักประวัติศาสตร์ไทยต่างถือโทษว่า พระองค์คือสาเหตุใหญ่ที่ทำให้กรุงศรีต้องพินาศ ! ในความเป็นจริงแล้วพระองค์ได้นำแผ่นดินกรุงศรีผ่านศึกสงครามหลายศึกสงครามยิ่ง คราที่พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้พยายามที่จะตีกรุงศรีอยุธยาหลายครั้งหลายครา ทว่าไม่สามารถประสบความสำเร็จได้นั่นก็เพราะสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
ทรงมีความสามารถในการปกป้องแผ่นดินได้อย่างยาวนาน กระทั่งต่อมาเผชิญศึกกับพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งครองแผ่นดินต่อจากพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ในศึกสงครามช้างเผือก พระองค์ก็สามารถนำพาประเทศชาติผ่านมาได้ โดยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ยุติธรรมต่อพระองค์หรือไม่ที่ใครๆ ต่างมองว่าพระองค์ทรงอ่อนแอ พบกับการวิเคราะห์เจาะลึก และบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ในแง่มุมที่แตกต่าง จนถึงเรื่องราวของบุคคลในประวัติศาสตร์อีกจำนวนมากในหนังสือเล่มนี้