“ใครกบฏใครปฏิวัติ ถ้าสําเร็จก็ได้เป็นใหญ่เป็นโต กินบ้านกินเมืองกัน เป็นแถวๆ ก็เลยอยากเดินทางลัดกันไปหมด เรื่องอย่างนี้มันต้องเสียง เหมือน การพนั้นเหมือนกัน.อํานาจทางการเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอน นอกจาก “ผู้เล่น” จะต้องมีเล่ห์เหลี่ยมแล้ว… “จังหวะ” นับเป็นสิ่งสําคัญมากที่สุด….อํานาจวาสนานะ… ไหนใครว่าเป็นประชาธิปไตยแล้วไม่มีใครมีอํานาจราชศักดิ์ ไม่มีใครมีวาสนาบารมี กว่าใคร ไม่มีใครสูงกว่าใคร…ไปๆ มาๆ ก็แค่ปากพูดเท่านั้นเอง ไอ้ที่เป็นอยู่จริงๆ มันก็ไม่พ้นมีเปลือกหุ้มให้เหนือกว่าคนธรรมดาสามัญ ยังปล่อยให้บรรพบุรุษท่าน ทรงอํานาจวาสนาอย่างเก่าอยู่ยังจะดีกว่า อย่างน้อยก็บ้านเมืองของท่าน ท่านสร้าง ของท่านมาด้วยดาบด้วยมือ ไม่ใช่ด้วยลมปากเหม็นๆ คําหนึ่งก็อ้างชาติ คําสองก็อ้าง ประชาชน แล้วก็กอบโกยเงินทองอํานาจกันเข้าไว้กลายเป็นคนชั้นสูงเหนือหัวคน ขึ้นมาอีกรุ่นเปลือกนั้น บางทีมันก็มีหลายชั้นหลายเชิงอยู่ ไม่ใช่ว่าพอเป็นเปลือกแล้ว คนอื่นเขาจะยอมรับว่า สวยงามเหมือนเขาไปหมด…”
เปลือก ถือเป็นนวนิยายที่ตีแผ่วงการทหารการเมือง ลาภยศ และผลประโยชน์ ของแผ่นดินสู่ตนได้อย่างถึง “แก่นกระพี่” ที่เดียว และเปลือก ก็เป็นอันดับที่ ๒ ในนวนิยายชุด กิ่งไผ่-เปลือก-แก่นกระพี่